8 อุปกรณ์เซฟตี้ (PPE) เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment / PPE)

            อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือ PPE เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับสวมใส่ ปกคลุมอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพและสิ่งแวดล้อมในขณะปฎิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง

            อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือ อุปกรณ์เซฟตี้ที่ต้องใช้ในการทำงานนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งเราได้รวบรวมอุปกรณ์ที่สำคัญมาทั้งหมด 8 ชนิดด้วยกัน ลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละชนิดใช้เพื่อป้องกันร่างกายได้อย่างไร

 

8 อุปกรณ์เซฟตี้ (PPE) เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน

1.    หมวกนิรภัย (Safety Helmet) ใช้สำหรับป้องกันศีรษะจากการกระแทก และเจาะทะลุจากของที่หล่นจากที่สูงหรือของแข็ง หมวกนิรภัยบางชนิดสามารถต้านทานกระแสไฟฟ้าหรือทนต่อการลุกไหม้ของไฟได้

 

2.   แว่นตานิรภัย (Safety Goggles) ใช้สำหรับป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาและใบหน้า ยังช่วยป้องกันฝุ่น สารเคมี รวมถึงสะเก็ดไฟ ซึ่งอาจกระเด็นเข้าดวงตาได้ ควรเลือกใช้แว่นที่มีมาตราฐานสากลรับรอง เช่น ANSI, CE ฯลฯ

 

3.   ที่ครอบหู / ที่อุดหู (Hearing Protection) ใช้สำหรับป้องกันเสียงที่ดังเกินมาตราฐานที่คนเรารับได้ (เกิน 130 เดซิเบล) ซึ่งเป็นอันตรายต่อการได้ยิน โดยอุปกรณ์ป้องกันหูที่สำคัญและเหมาะสมต่อการใช้งาน ได้แก่

             3.1) ปลั๊กลดเสียง (Ear Plug) วัสดุทำมาจากยาง พลาสติกอ่อน ที่มีขนาดพอดีกับรูหู สามารถลดเสียงได้ไม่น้อยกว่า 15 เดซิเบล

             3.2) ที่ครอบหูลดเสียง (Ear Muffs) มีก้านโค้งครอบศีรษะ และใช้วัสดุที่มีความนุ่มหุ้มทับ สามารถลดเสียงได้ไม่น้อยกว่า 25 เดซิเบล

 

4.   ถุงมือนิรภัย (Safety Gloves) ใช้สำหรับป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับมือและแขน ซึ่งมีหลายประเภทเหมาะที่จะใช้ในรูปแบบงานที่ต่างกัน ได้แก่

            4.1) ถุงมือกันความร้อน

            4.2) ถุงมือป้องกันสารเคมี

            4.3) ถุงมือกันบาด

            4.4) ถุงมือป้องกันไฟฟ้า

 

5.   หน้ากากนิรภัย (Safety Respirators) ใช้สำหรับป้องกันอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ จากพวกฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือสารระเหยที่เป็นพิษต่อร่างกาย

 

6.   เสื้อสะท้อนแสง (Reflective Clothing) ใช้สวมใส่เพื่อความปลอดภัยสำหรับคนงานที่จำเป็นต้องทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่สวมเสื้อจะสามารถถูกมองเห็นได้จากระยะไกลและง่ายขึ้น ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

 

7.   รองเท้านิรภัย (Safety Shoes) ใช้สำหรับป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับขาและเท้า เราสามารถแบ่งรองเท้านิรภัยได้ตามลักษณะงาน ดังนี้

            7.1) รองเท้าเซฟตี้ ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า สวมเพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลสู่ร่างกาย

            7.2) รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก ป้องกันของหนักตกใส่หรือการเหยียบตะปู การโดนรถโฟล์คลิฟท์ทับเท้า

            7.3) รองเท้าเซฟตี้ป้องกันสารเคมี ใช้สำหรับงานป้องกันความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีอันตราย

 

8.   เข็มขัดนิรภัย (Safety Belt) ใช้สำหรับป้องกันงานการที่ตกจากที่สูง หรือที่ทำงานต่างระดับที่ต้องเสี่ยงกับการพลัดตกลงมา

 

             ซึ่งอีโคเอ็น (ECOEN) ได้ให้ความสำคัญของการป้องกันความปลอดภัยของทีมงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นในการปฏิบัติงานทุกหน้างานหัวหน้างานจะต้องมีการ Morning Talk รวมถึงให้ทีมงานทุกคนใส่อุปกรณ์เซฟตี้ทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน โดยใช้อุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ ให้เหมาะสมกับงานที่ทำในขณะนั้นเสมอ เพราะอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ทุกเมื่อ

 

ECOEN เยี่ยม เย็น เน้นประหยัดพลังงาน

The Economical Energy And Engineering

 

สนใจติดต่อ

Tel. : (02) 592-2656

Phone : (084) 512-6556

Fax : (02) 592-2875

Line : @ecoen

Email : ecoenthailand@gmail.com

Instagram : ecoen_thailand

 

อากาศดีขึ้น ผลิตงานดีขึ้น! ปรึกษาฟรีกับทีม ECOEN โทรเลย! 084-512-6556
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อีเมล์: ecoenthailand@gmail.com , narith@ecoen.co.th
คลิกโทรเลย